ไฟเขียว
สุธาสินี อ้นปราง
ภาพจาก https://www.google.co.th/search?qไฟเขียว
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสไปเที่ยวที่รังสิตกับเพื่อนๆและได้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง(ชื่อร้านขอไม่บอกแล้วกัน) ระหว่างที่ผู้เขียนกับเพื่อนได้นั่งรออาหาร
ได้มีครอบครัวหนึ่งมานั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะข้างๆผู้เขียนก็ไม่ได้สนใจอะไรจึงสนทนากับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งมีผู้หญิงคนนึงเป็นสาวที่สวยมากที่อยู่ในครอบครัวนั้นได้พูดประโยคนึงออกมาว่า“พ่อแม่ของหนูได้ไฟเขียวเรียบร้อยแล้วคะ” ผู้เขียนได้ยินถึงกับตกใจว่าไฟเขียวนั้นคืออะไร
จากเหตุการณ์ในวันนั้นผู้เขียนจึงได้ไปศึกษาเพิ่มเติมจึงรู้ว่า
ไฟเขียว ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไฟเขียวซึ่งแปลว่า “สัญญาณไฟจราจร” และผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะรู้จักสัญญาณไฟจราจรบนท้องถนนกันเป็นอย่างดี
ซึ่งสัญญาณไฟจราจรยังมีลักษณะและความหมายของสีนั้นแตกต่างกันออกไป
อย่างเช่น
ไฟแดง หมายถึง หยุดหรือไม่ให้ผ่าน ส่วนไฟเหลือง จะหมายถึง ให้เตรียมหยุด และไฟเขียว
จะหมายถึง อนุญาตให้ผ่านได้
ทั้งนี้สัญญาณไฟจราจรยังเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจน และยังช่วยให้การขับขี่รถบนท้องถนนนั้น
มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและลดการเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากไฟเขียวที่เป็นไฟจราจรแล้ว ในบางครั้งผู้อ่านอาจจะเคยได้ยินสำนวน
ไฟเขียว หรือพบเจอบ่อยๆ ในข่าวทางโทรทัศน์ หรือข่าวในวงการบันเทิง สำนวน ไฟเขียว
ซึ่งใน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า “การยอมรับ การอนุมัติ และ การอนุญาต”
แต่ที่พบบ่อยๆคือ ข่าวในวงการบันเทิง อย่างเช่น
ภาพจาก http://gossipstar.mthai.com/gossip-content/54669
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสำนวน ไฟเขียว
จะใช้ในเรื่องของความรักที่มีพ่อหรือแม่ทั้งฝ่ายชาย
และฝ่ายหญิงเป็นที่ตกลงว่าอนุญาตให้ทั้ง 2 คน
คบหาดูใจกันโดยที่อยู่ในสายของผู้ใหญ่
นอกจากนี้จะใช้สำนวน
ไฟเขียว ในวงการบันเทิงแล้วในบางกรณีก็อาจจะใช้ในวงการเกี่ยวกับการแพทย์ด้วย
อย่างเช่น
ภาพจาก http://www.thairath.co.th/content/716873
จากตัวอย่างข่าว
นอกจากข่าวที่อยู่ในวงการบันเทิงแล้วยังสามารถนำมาใช้กับวงการ
การแพทย์ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หรือบริบทของคำนั้น
ซึ่งในปัจจุบันอาจจะมีสำนวนเกิดใหม่มาเรื่อยๆตามสภาพของสังคม
บางคนใช้ได้ถูกต้อง บางคนใช้ไม่ถูกต้อง ต้องขึ้นอยู่ของคนแต่ละคน
และถ้าเรานำสำนวนมาพูดโดยที่ขาดความรู้ พูดจากความเข้าใจของตนเอง
พูดผิดที่ผิดเวลาอาจจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด หรือเกิดโกรธ จนเกิดการทะเลอะขึ้นมา
สร้างความร้ายแรงและเดือดร้อนให้กับสังคม
สำนวนที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ได้มีแค่สำนวนเดียวในอนาคตอาจจะมีสำนวนที่เกิดขึ้นใหม่มากมาย
นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนนำฝากเท่านั้น
อ้างอิง
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). ไฟเขียว. สืบค้น
เมษายน 13, 2560, จาก http://www.xn-- \o3cda1bwq0d9h2c.com/